แม่ทัพภาคที่ 3 นำจิตอาสา หัวหน้าส่วนราชการ ลุยน้ำหลากเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก .... ย้ำ!!...ให้บูรณาการทุกหน่วยเร่งคลี่คลายสถานการณ์และดูแลประชาชนให้ดีที่สุด...
พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 /ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพประชาชนผู้ประสบอุทกภัยชาวอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 100 ถุง ณ วัดชมพู ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พลตรี ทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 , พันเอก วัชรพงศ์ แก้วแจ้ง รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 , พันเอก กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 , พันเอก สุวัฒน์ เฉลิมเกียรติ ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 3 ร่วมลงพื้นที่ด้วย เมื่อวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2562
โอกาสนี้ ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 และคณะ ร่วมรับฟังบรรยายสรุป สถานการณ์การเกิดอุทกภัยในพื้นที่ทั้ง 4 ตำบล ของอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 3 นำจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. จังหวัดพิษณุโลก เดินลงลุยน้ำมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยตามบ้านเรือนท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว โดยน้ำยังคงท่วมสูงอยู่ ทำให้ผู้ประสบภัยชาวบ้านราษฎรในพื้นที่อำเภอเนินมะปราง ทั้ง 4 ตำบล ต่างรู้สึกยินดีปลาบปลื้มปิติที่ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ลุยน้ำเดินเท้ามาเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมทั้งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์และยารักษาโรคให้ถึงหน้าบ้านหน้าประตูเรือน และกล่าวขอบคุณทหารทุกหน่วยที่ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาอุทกภัยช่วยให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีทหารมาอยู่ใกล้ๆ รวมถึง แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เยี่ยมให้กำลังใจขอให้ทุกคนตั้งมากทำความดีอย่าท้อถอยกับอุปสรรค แก่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย..กู้ชีพ, องค์กร, สมาคม, ส่วนราชการ, หน่วยงานที่มาร่วมบูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้
พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 สั่งการให้ทุกหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการเต็มขีดความสามารถ ภายใต้การบริหารจัดการแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ ได้คลี่คลายลงตามลำดับ เป็นสิ่งที่ยืนยันในศักยภาพของกองทัพภาคที่ 3 ที่พร้อมนำกำลังพล ยุทโธปกรณ์เข้าดูแลช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เน้นย้ำให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติจากพายุฤดูฝนที่กำลังเกิดขึ้นในทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ตรวจสอบระบบระบายและเก็บกักน้ำที่ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำท่วมขังและดินถล่มให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยให้ประสานและสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
ตามที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุโพดุล เป็นผลให้เกิดฝนตกหนักมากน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก กระแสน้ำที่ไหลในพื้นที่ค่อนข้างเชี่ยวกราดมีสีขุ่น เป็นน้ำป่าไหลมาจากเทือกเขาทุ่งแสลงหลวง ในขณะนี้น้ำได้ท่วมขยายตัวอย่างกว้างขวางโดยสถานการณ์น้ำท่วมได้ขยายไปอีกหลายตำบล และหนักที่สุดในขณะนี้คือ ตำบลวังยาง บ้านมุง และตำบลวังโพรง
กองทัพภาคที่ 3/ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดกำลังพลจาก มณฑลทหารบกที่ 39/ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 39 พร้อมด้วยยานพาหนะรถบรรทุก เรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ ไฟฉายและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น และถุงยังชีพ เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยในขั้นต้น พร้อมทั้งนำรถครัวสนามจัดตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบอาหารบริการแก่ผู้ประสบภัย, เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการบรรเทาสาธารณภัย ให้ได้รับประทานอาหารอย่างถูกโภชนาการและได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562
แม่ทัพภาคที่ 3 นำจิตอาสา หัวหน้าส่วนราชการ ลุยน้ำหลากเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก .... ย้ำ!!...ให้บูรณาการทุกหน่วยเร่งคลี่คลายสถานการณ์และดูแลประชาชนให้ดีที่สุด...
" เราพร้อมช่วยตลอดเวลา " ทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 30 ช่วยเหลือประชาชนเครื่องยนต์ดับ!!! กลางถนนทางหลวงหมายเลข 11...
" เราพร้อมช่วยตลอดเวลา " ทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 30 ช่วยเหลือประชาชนเครื่องยนต์ดับ!!! กลางถนนทางหลวงหมายเลข 11...
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2562 เวลา 21.30 น. กำลังทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 30 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21 เข้าทำการช่วยเหลือประชาชนที่สัญจรบนถนนทางหลวงหมายเลข 11 บริเวณบ้านวังหินเพลิง หมู่ที่ 11 ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัยจากเหตุน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากพัดผ่านถนน ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวเป็นไปด้วยความยากลำบาก พร้อมกันนี้กำลังทหารได้ช่วยกันเข็นรถยนต์ที่เครื่องยนต์ดับเนื่องจากน้ำได้เอ่อล้นเข้าบริเวณใต้ท้องรถ ทำให้เครื่องยนต์ดังจนไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้
ปราจีนบุรี-กระบะเสยท้ายรถ 6 ล้อบรรทุกไม้ท่อน ผู้โดยสารท้ายรถกระบะสมองกระจายดับคาท้ายรถ
ปราจีนบุรี-กระบะเสยท้ายรถ 6 ล้อบรรทุกไม้ท่อน ผู้โดยสารท้ายรถกระบะสมองกระจายดับคาท้ายรถ บนถนนสาย คำเลียบ-คำโตนด หน้าลานรับซื้อไม้ท่อน ม.5 ต.คำโตนด อ.ประจันตตาม
ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว
และทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือ นายสำลี สมจิตร อายุ กว่า 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44.ม.8 ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้จอดอยู่บริเวณทางเข้าลานรับซื้อไม้ ป.รุ่งเรืองเกษตร
และห่างกันประมาณ 50 เมตร พบรถยนต์บรรทุก 6 ล้อซึ่งบรรทุกไม้ท่อนอยู่บนรถจำนวนไม่มาก ได้จอดอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งมี นายชาญชัย เก่งกล้า อายุ 53 ปี เป็นคนขับรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ
ตราด/คลื่นลมแรงจากอิทธิพลของ พายุ โพดุล ได้พัดถล่มพื้นที่หมู่บ้านคลองสนตําบลหาดเล็ก
ตราด/คลื่นลมแรงจากอิทธิพลของ พายุ โพดุล ได้พัดถล่มพื้นที่หมู่บ้านคลองสนตําบลหาดเล็ก หมู่ 5 บ้านโกงกาง ต.หาคเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เกือบ 20 หลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อย เหตุเกิด เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ตําบลหาดเล็กว่า พบบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน หลังรับแจ้งรุดไปตรวจสอบทันที่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจริงเป็นจํานวนเกือบ 20 หลังคาเรือน ต่างคนต่างขนของออกจากบ้านเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เมื่อคืนที่เกิดเหตุได้มีคลื่นลมแรงคลื่นก็ใหญ่เพราะว่าอยู่ช่วงนํ้าขึ้น ทําให้ทั้งคลื่นและลมได้พัดถล่มบ้านเรือนที่ได้อาศัยอยู่ริมชายทะเลที่นํ้าทะเลท่วมถึงได้รับความเสียหายหมดทุกหลังคาเรือน เช่น ช่วงตอนกลางคืนเที่ยงคืนได้มีพายุมาต่างคนต่างระวังจนทนไม่ไหวได้วิ่งต่างเอาตัวรอดกันอย่างเดียวไม่ทันจะเอาอะไรออกมาจากบ้านทั้งลมทั้งคลื่นแรงมาก บ้างบ้านก็โดนคลื่นตีฟื้นบ้านเปิดหมดเปลียกหมดทั้งบ้านนอนไม่ได้ทั้งคืน ต้องไปอาศัยบ้านญาตและไปเช่าบ้านอยู่ ความเสียหายในครั้งนี้หลายล้าน สะพานทางเดินเท้าก็ขาดเดินไม่ได้ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตําบลหาดเล็ก ได้ออกตรวจสอบความเสียหายและให้ความช่วยเหลือ พร้อมช่วยเหลือด้านการขนของขึ้นรถนําของไปอาศัยอยู่บ้านเพื่อนและบ้านที่เช่าไว้ ที่นอนหมนมุ่งเสื่อผ้าเปลียกหมด ไม่เคยมีปรากฎการมาก่อนว่าคลื่นใหญ่ขนาดนี้ นางเสียง หอยสังข์ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 295 หมู่ 5 ที่ได้รับความเสียหายมาก พร้อมให้สัสภาษณ์เหตุการณ์ต่อไป..
./ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ทีมข่าวตราด
บุรีรัมย์ ตาแทบขาดใจ!! หลาน ป.5 จมน้ำดับ วันหยุดพากันเล่นน้ำกับเพื่อน ชี้เพราะน้ำหลากเชี่ยวแรง
บุรีรัมย์ ตาแทบขาดใจ!! หลาน ป.5 จมน้ำดับ วันหยุดพากันเล่นน้ำกับเพื่อน ชี้เพราะน้ำหลากเชี่ยวแรง
สี่นักเรียนชั้น ป.5 พากันไปเล่นน้ำลำคลองวันหยุด บริเวณ บ้านใหม่ ม.4 ต.สวายจีก อ.เมือง หนึ่งในนั้นหมดแรงจมหายต่อหน้าเพื่อน เด็กอยู่ระแวกนั้นเห็นเหตุการณ์ โดดลงน้ำพยายามช่วยเหลือ แต่ถูกดึงกางเกงตนเองจนหลุด ก่อนจมหายต่อหน้า คนเห็นห้ามแล้ว”น้ำหลาก”แต่เด็กไม่ฟังกระทั่งวิ่งมาขอให้ช่วย ชุดประดาน้ำกู้ภัยสว่างจรรยาฯ งมเจอร่าง ตาร้องแทบขาดใจ
วันที่ 31 ส.ค.62 หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเด็กจมน้ำบริเวณคลองน้ำ บ้านใหม่ หมู่ 4 ต.สวายจีก อ.เมือง จึงนำชุดประดาน้ำออกไปให้ความช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นคลองน้ำที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด มีความลึกประมาณ 5-6 เมตร มีน้ำไหลเชี่ยว และพบชาวบ้านกำลังมุงดูเป็นจำนวนมาก หน่วยกู้ภัยใช้เวลาในการลงงมประมาณ 30 นาที จึงพบร่าง ด.ช.ธวัชชัย อยู่เย็น หรือน้องเน็ก อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป .5 อยู่บ้านหนองขาม ต.สวายจีก อ.เมืองบุรีรัมย์
โดยมีนายประนอม ด้วงประโคน อายุ 52 ปี ตาของเด็กยื่นร้องไห้แทบขาดใจหลังพบร่างของหลาน สอบถาม ด.ช .มอส อายุ 11 ปี ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า หลังได้ยินเสียงมีคนจมน้ำ ตนซึ่งอยู่ใกล้ จึงวิ่งเข้าไปดูเห็นน้องเน็ก ร้องขอความช่วยเหลือ ในคลองจึงกระโดนเข้าไปช่วย แต่น้ำไหลเชี่ยว น้องเน็กคว้ากางเกงของตนเองหลุดพร้อมจมหายไปต่อหน้าต่อตา ตนเริ่มหมดแรงจึงรีบว่ายขึ้นฝั่ง
นางจินดา เกรัมย์ อายุ 54 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองกลับจากไปดูข้าวที่นา กลับมาเห็นเด็กกำลังเล่นน้ำกัน 4 คน ตนจึงตะโกนเตือนให้เลิกเล่นเพราะน้ำลึก และเชี่ยว ไม่นานได้ยินเสียงตะโกนเรียกว่าเด็กจมน้ำ ตนจึงรีบมาดู เห็นเด็กกำลังช่วยเด็กอีกคนอยู่ จึงรีบไปเรียกชาวบ้านให้มาช่วย
ขณะที่นายประนอม ด้วงประโคน ตาเด็กที่เสียชีวิต เล่าว่า เห็นหลานปั่นจักรยานเล่น แล้วหายไปไม่คิดว่าจะมาเล่นน้ำ มีชาวบ้านมาแจ้งจึงพาชาวบ้านออกมาช่วยดำน้ำงมหาหลาน อย่างมีความหวัง แต่ด้วยน้ำลึกและเชี่ยวแรง จึงไม่พบตัวหลานและมานั่งพักหมดแรงอยู่ข้างคลอง ตนและยายอยู่กับหลานด้วยกันสามคน พ่อแม่เด็กไปทำงานต่างจังหวัด รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลหลานเพียงคนเดียวได้///////////////
ข่าว-ภาพ วันชัย ผิวอร่าม / วาทิตย์ แสนธุปี จ.บุรีรัมย์
ปทุมธานี คอหวยแน่นอาศรมแห่ส่องเลขเด็ดอ่างน้ำมนต์ฤๅษีเณร
ปทุมธานี คอหวยแน่นอาศรมแห่ส่องเลขเด็ดอ่างน้ำมนต์ฤๅษีเณร
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2562 ที่อาศรมฤๅษีเณร ถนนวงแหสนตะวันตกหมายเลข 9 บางปะอิน-ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนเดินทางมาดูตัวเลขในอ่างน้ำมนต์ก่อนวันหวยออก พร้อมกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในอาศรมฤๅษีเณร ร่วมพิธียกพ่อแก่ปู่ฤาษีพรหมเมศ และกุมารเจ้าสัวเฮง เพื่อเสริมบารมี เสริมโชคลาภ การงานการเงินและเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว และร่วมพิธีลงนะหน้าทอง สาลิกาลิ้นทอง เจิมกระเป๋าเงิน เขย่าเสี่ยงเซียมซี อาบน้ำมนต์หมื่นวัด
โดยประชาชนส่วนใหญ่ที่มาจะมาดูตัวเลขที่ลอยเหนือผิวน้ำภายในอ่างน้ำมนต์ โดยประชาชนได้ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพภายในอ่างน้ำมนต์หลาย ๆ มุมเอาไว้ดูตัวเลขจากน้ำตาเทียนสีแดง ซึ่งปรากฏตัวเลข 2,1,0,5,3,6 ซึ่งตัวเลขจากน้ำตาเทียนในอ่างน้ำมนต์ฤๅษีเณร ที่ปรากฏเห็นตัวเลขเด่นชัด เกิดจากการประกอบพิธี จรดตัวเลขตามพิธีกรรมโบราณของอาจารย์ฤๅษีเณร ซึ่งตัวเลขจะลอยอยู่ในน้ำภายในอ่างน้ำมนต์ หมุนวนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ประชาชนจะมาพบเจอเห็นตรงมุมไหน ตัวเลขนั้นจะเรียงหรือจับตัวกันแบบไหนซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ที่ผ่านมามีประชาชนที่ได้รับโชคจากการดูตัวเลขเหล่านี้หลายราย และได้นำสิ่งของ ขนม ของเล่น รวมถึงการรำแก้บนถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาศรม ทั้งนี้ทางอาจารย์ฤๅษีเณรจะได้นำสิ่งของที่ประชาชนมาบริจาคหรือนำมาถวายแก้บนไปมอบให้กับเด็กที่ยากไร้ต่อไป.
CR. ภาพ-ข่าว พี่อนันต์ ปทุมธานี
นครนายก พัฒนาโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน
นครนายก พัฒนาโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน 31 สิงหาคม 2562
ที่ห้องประชุมชิระกุล 2 วังยาวริเวอร์ไซต์รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นางสาวปาณี นาคะนาท รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ได้เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการตลาดภายในประเทศ เพื่อมุ่งพัฒนาโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน รองรับนักท่องเที่ยวในทุกรูปแบบ โดยมมีนางกัญญ์ชลา สุขิตรกูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครนายกพร้อมคณะให้การต้อนรับพร้อมกล่าวรายงานการจัดทำโครงการฯ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนจัดทำโฮมสเตย์ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้และเป็นชุมชนที่เข้มแข็งสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งได้พัฒนาโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน ในการจัดโครงการครั้งนี้ได้มีชุมชนผู้ประกอบการโฮมสเตย์เข้าร่วมโครงการ 13 ชุมชนและเข้าร่วมในกิจกรรมจำนวน 80 คน โดยมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี มาให้ความรู้ ทำความเข้าใจในการบริหารจัดการโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน โดยมีวิทยากรช่วยเสริมเติมเต็มให้ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นทั่วหน้ากัน
