กรมชลประทาน จัดการประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 1 โครงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำนางั่ว จังหวัดเพชรบูรณ์

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ณ.หอประชุมเทศบาลตำบล นางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

กรมชลประทาน จัดการประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 1
โครงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำนางั่ว จังหวัดเพชรบูรณ์





เวลา 9.00 น นายกฤษฎ์หิรัญ สาราช ปลัดอำเภอเมือง เพชรบูรณ์รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์เป็นประธาน ในการเปิดโครงการ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม อ่างเก็บน้ำนางั่ว ตำบลนางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายนิคม ก่อแก้ว เป็นตัวแทน ของกรมชลประทาน กล่าวถึง
ความเป็นมาของโครงการ
ว่าตามที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนการิเบศรมหาภูพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9ทรงห่วงใยการพัฒนาแหล่งน้ำเหนือเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ และพระราชทานพระราชดำริเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์
2547 และวันที่ 25 สิงหาคม 2548 สรุปความได้ว่า "ควรพิจารณาวางโครงการเก็บกักน้ำตอนบนของลำน้ำสาขา
แม่น้ำป้าสักไว้ให้มาก เพื่อใช้ด้านการเกษตรและป้องกันอุทกภัย เนื่องจากน้ำเหนือเขื่อนป้าสักมีมาก ให้พิจารณา
จัดเก็บกักให้เหมาะสม" ประกอบกับความเดือดร้อนของราษฎรตำบลนางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
ที่มีแหล่งน้ำใช้ในการอุปโภค-บริโภค และเพื่อการเกษตรไม่เพียงพอ อีกทั้งในช่วงฤดูฝนพื้นที่การเกษตรและชุมชน
ในเขตตำบลนางั่วจะได้รับผลกระทบจากน้ำหลากที่มาจากพื้นที่ตันน้ำ ราษฎรในพื้นที่จึงประสานหน่วยงาน
ราชการผ่านทางผู้แทนราษฎรเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยก่อนหน้านั้นได้ทำหนังสือถึงกรมชลประทานเมื่อวันที่ 26
พฤศจิกายน 2539 ขอให้สำรวจและจัดทำโครงการอ่างเก็บน้ำเพื่อแกขปัญหาดังกล่าว
กรมชลประทาน ได้ดำเนินการศึกษาจัดทำรายงานวางโครงการเบื้องตัน (Reconnaissance Report)



เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเป็นไปได้ในเบื้องต้น ผลการศึกษาสรุปได้ว่า โครงการอ่างเก็บน้ำนางั่ว มีความเหมาะสม
ทางด้านวิศวกรรมในการพัฒนาเป็นแหล่งเก็บกักน้ำ และต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 กรมชลประทานได้
จัดทำรายงานวางโครงการ (Pre-feasibity Study) โครงการอ่างเก็บน้ำนางั่ว อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางดำเนินการต่อไป
จากผลการศึกษาวางโครงการ พบว่า โครงการอ่างเก็บน้ำนาว อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำประเภทอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง เมื่อก่อสร้างเสร็จสามารถเก็บกักน้ำได้ประมาณ4.8 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่รับประโยชน์ฤดูฝนประมาณ 6,000ไร่ และฤดูแล้ง1,500 ไร่ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร รวมทั้งการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่แต่เนื่องจากพื้นที่หัวงานและอ่างเก็บน้ำบางส่วนอยู่ในเขตพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 จึงเป็นโครงการที่เข้าข่ายประเภทและขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 เสนอต่อสำนักงาน
นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ



ผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก) เพื่อพิจารณาให้
ความเห็นชอบต่อรายงาน และเพื่อประกอบการขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 จากคณะรัฐมนตรี
และประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ก่อสร้างโครงการจากกรมป่าไม้
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
เพื่อศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) ของโครงการเพื่อศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ที่สอดคล้องและเป็นไป
ตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม (สผ.)
โครงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำนางั่ว เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการ ป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม พระขุนแผนติดตามตรวจสอบ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมดำเนินการประชาสัมพันธ์มวลชนสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชนและของทุกภาคส่วน เพื่อแสดงให้เห็นว่า กรมชลประทานมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหา บ้าน การบรรเทาอุทกภัย และการขาดแคลนน้ำ ในพื้นที่ ให้แก่ราษฎร อย่างโปร่งใส และสร้างโอกาสในการมีส่วนร่วม ของสาธารณชนอย่างจริงจัง โดย ให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นนาย กฤษณ์ ชุมแสงศรี ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 10 กองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลางกรมชลประทาน ได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน ถึงผลกระทบ และผลดีของอ่างเก็บน้ำนางั่ว และระยะเวลาในการก่อสร้าง ซึ่งจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆอีกมากมาย ซึ่งคาดว่า น่าจะลงมือก่อสร้างได้ในปี 2566 ถึงปี 2567 ถ้าการก่อสร้างแล้วเสร็จ พี่น้องชาวตำบลนางั่ว และตำบลท่าพล จะได้รับประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำลูกนี้ ได้อย่างเต็มที่