วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2563

พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานคณะกรรมาธิการ ได้เชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)

วันที่ 6 มีนาคม 2563 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม หมายเลข 2304 ชั้น 23 อาคารสุขประพฤติ คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา นำโดย พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานคณะกรรมาธิการ ได้เชิญหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)





ประกอบด้วย กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมควบคุมโรค และกรมอนามัย
ด้านนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวสู่ประชาชน โดยรณรงค์ให้ความรู้ในการใช้หน้ากากผ้าและข้อปฏิบัติการดูแลสุขอนามัยตนเองผ่านสื่อทุกช่องทาง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ในการป้องกันความเสี่ยง พร้อมกับบูรณาการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาครัฐและภาคเอกชนในการผลิตหน้ากากผ้าเพื่อแจกให้กับประชาชน ซึ่งตั้งเป้าหมายให้ได้ 200 ล้านผืนภายใน 3 เดือน และอย่างน้อยคนไทยจะต้องมีหน้ากากผ้าคนละ 3 ชิ้น นอกจากนี้กรมอนามัยได้แนะนำประชาชนที่สนใจทำหน้ากากอนามัยผ้าใช้เอง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการใช้วัสดุและวิธีการทำที่ถูกต้องได้ทางเว็ปไซต์ของกรมอนามัยได้
ขณะที่นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค





กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การตั้งจุดคัดกรองที่ท่าอากาศยาน ท่าเรือ และด่านพรมแดนทางบก พร้อมวางเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรคในระยะที่ 3 ภายในประเทศ โดยเน้นมาตรการควบคุมการระบาดในชุมชน ตั้งแต่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ถ้าพบว่ามีการปกปิดข้อมูลจะมีความผิดทางกฎหมาย การชะลอการแพร่ระบาดของโรค โดยหยุด เลี่ยง เลื่อน และปิดในทุกสถานที่ที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ยังเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาล การเตรียมห้องปฏิบัติการและเวชภัณฑ์ การป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล ทำให้มั่นใจได้ว่า จะสามารถลดโอกาสการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศและชะลอการระบาดที่อาจเกิดขึ้นภายในประเทศในอนาคตได้
สำหรับในประเด็นการผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้า ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมส่งเสริมการเกษตร จะร่วมกับเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงานที่มีอยู่ทั่วประเทศ เช่น กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น เพื่อสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวให้ได้ตามเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งไว้ ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ เห็นด้วยและมองว่าถือเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้ชาวบ้านมีรายได้ มีงานทำ และเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากอีกด้วย





ภาพ/ข่าว กฤษรชฏะชญตว์ กฤษพิพัฒนโภคิน ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ รัฐสภา รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น