หญิงไทยวัย 14 ปีในประเทศมาเลเซียที่ได้รับความลำบาก และโพสท์ข้อความ ขอรับการช่วยเหลือทางโซเชียลมีเดีย เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ภายหลังได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐหลายหน่วยงาน ก่อนเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคโควิด 19
วันนี้ ( 6 พ.ค. 63 ) ที่ผ่านด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ภาครัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลาและอำเภอเบตง ได้อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทย ของหญิงไทยวัย 14 ชาวอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเดินทางมากับคณะเจ้าหน้าที่สถานกงสุลไทย ณ เมืองปีนัง ที่เดินทางมาส่งถึงด่านพรมแดนเบตง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ หญิงคนดังกล่าวได้โพสท์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เล่าถึงความลำบากของตน ขณะอยู่ในประเทศมาเลเซีย เพื่อขอรับการช่วยเหลือในการเดินทางกลับประเทศไทย แต่ไม่สามารถมาได้ เพราะไม่มีเอกสารพาสปอร์ตติดตัว และไม่มีเงิน อันเป็นผลมาจากประเทศมาเลเซียประกาศปิดประเทศ เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ร้านอาหารที่เคยไปทำงานเป็นลูกจ้าง ต้องปิดกิจการ ซึ่งหลังจากข้อมูลเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ความทราบถึงพลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพิจารณาเห็นว่า เป็นกรณีความลำบากและเดือดร้อนของชาวไทยในต่างแดน ที่ควรได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วน จึงได้ประสานงานไปยังสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลาและอำเภอเบตง เพื่อพิจารณาหาทางช่วยเหลือจนเป็นที่เรียบร้อย ในเวลาไม่นานนัก และได้เดินทางกลับประเทศไทยในวันนี้
และทันทีที่หญิงคนดังกล่าวเดินทางมาถึงด่านพรมแดนเบตง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ชุดคัดกรอง ได้ทำการตรวจสอบ เพื่อตรวจคัดกรองโควิด 19 โดยเบื้องต้นพบว่ามีไข้สูง 37 องศา จึงประสานให้นำตัวไปตรวจเช็คอีกครั้งที่โรงพยาบาลเบตง ซึ่งหากมีเชื้อโควิด 19 ก็จะได้ทำการรักษาโรค หรือหากยังไม่ติดเชื้อ ก็จะส่งไปกักตัวและสังเกตอาการ ณ สถานที่กำหนดตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ภายใต้มาตรการปิดประเทศของมาเลเซีย ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการเปิดด่านพรมแดน 5 ด่าน เพื่อรองรับคนไทยวันละไม่เกิน 350 คนตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา แต่ยังคงมีคนไทยที่ไปทำงาน ติดค้างในประเทศมาเลเซียและมีความประสงค์ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งหากคนไทยเหล่านั้นประสบปัญหาความเดือดร้อนสิ่งหนึ่งสิ่งใด สามารถประสานขอรับการช่วยเหลือจากตัวแทนทางการไทยในประเทศมาเลเซียได้ 3 แห่งคือ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู,สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง และสถานเอกอัคราชทูต ไทยประจำกรุงกัวลาลำเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบและดำเนินการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป
โยธิน ประชามติรัฐ อ.เบตง จ.ยะลา รายงาน
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
หญิงไทยวัย 14 ปีในประเทศมาเลเซียที่ได้รับความลำบาก และโพสท์ข้อความ ขอรับการช่วยเหลือทางโซเชียลมีเดีย เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ภายหลังได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐหลายหน่วยงาน ก่อนเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคโควิด 19
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น