วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

(คลิบ) ผู้บริหาร “สตาร์โดม”  ยันไม่ออกพื้นที่เด็ดขาดพร้อมเปิดทำการปกติ ยันมีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญาเช่า 30 ปี

ผู้บริหาร “สตาร์โดม” ยันไม่ออกพื้นที่เด็ดขาดพร้อมเปิดทำการปกติ ยันมีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญาเช่า 30 ปี









จากกรณีพิพาทต่อสัญญาเช่าสนามกอล์ฟ “สตาร์โดม” ยังอึมครึม กองบิน 41 ขึ้นค่าเช่า 500% ขีดเส้นตาย ขึ้นป้ายไล่ผู้รับสัมปทานออกนอกพื้นที่ พนักงาน ลูกจ้าง แคดดี้ ร่วม 300 ชีวิต ยังไม่ทราบชะตากรรม ลูกค้า-เมมเบอร์นักกอล์ฟนับพันคนเคว้ง ขณะที่ผู้บริหารฯ ยันไม่ออกพื้นที่เด็ดขาดพร้อมเปิดทำการปกติ ยันมีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญาเช่า 30 ปี









สืบเนื่องจากทางกองบิน 41 ในนามของกองทัพอากาศ เจ้าของพื้นที่สนามกอล์ฟพิมานทิพย์ (สตาร์โดม) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ขึ้นป้ายประกาศแจ้งเจ้าของผู้รับสัมปทานบริหารสนามกอล์ฟฯ (คู่สัญญาเช่าพื้นที่) ให้ยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ภายในวันนี้ (31 ก.ค.63) โดยมีข้อความว่า กองบิน 41 แจ้งยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ ตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุญาตให้ "บริษัท เดอะ สตาร์โดม จำกัด" ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของกองบิน 41 และสัญญาอนุญาตได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 30 เมษายน 2563 นั้น บัดนี้ ได้สิ้นสุดระยะเวลาตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุโลมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้วกองบิน 41 ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า การให้บริการสนามฝึกช้อมกอล์ฟในนาม "เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์" จะสิ้นสุดลงอย่างป็นทางการใน 31 กรกฎาคม 2563 นี้ และกองบิน 41 จะปิดพื้นที่อย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป กองบิน 41 สงวนสิทธิ์ไม่มีความกี่ยวข้องกับการดำเนินการหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ระหว่างผู้ประกอบการพนักงาน ลูกจ้างหรือลูกค้าที่มีต่อ "เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกข้อมกอล์ฟพิมานทิตย์" ทั้งสิ้น จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน









ซึ่งภายหลังจากมีประกาศดังกล่าว ได้สร้างความสับสนให้กับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารสนามกอล์ฟพนักงาน ลูกจ้าง และลูกค้านักกอล์ฟอย่างมาก ต่อมาเมื่อช่วงสายของวันนี้ (31 ก.ค.63) ทางผู้บริหารสนามกอล์ฟฯ นำโดย ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ จึงแจ้งเปิดการแถลงชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ณ บริเวณภายในสนามกอล์ฟสตาร์โดมฯ มีผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ร่วมประชุม โดยเป็นที่น่าสังเกตุว่ามีสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหารร้อย.ทสห.บน.41 จำนวนกว่า 20 นายมาสังเกตุการณ์ และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง และไม่อนุญาตให้มีการแถลงข่าวใดๆ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของทหารอากาศเป็นพื้นที่หวงห้าม หากจะแถลงต้องทำเรื่องขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน โดยเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย





ต่อมาทางด้าน ดร.พรรณิภาฯ ได้นำคณะผู้บริหาร พร้อมพนักงาน และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งแคดดี้กว่า 300 ชีวิต เข้ากราบสักการะศาลพระพรหม - พระภูมิ ภายในสนามกอล์ฟเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนพากันเดินออกจากพื้นที่นอกประตูสนามกอล์ฟเพื่อให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน









ดร.พรรณวิภา เปิดเผยว่า บริษัทสตาร์โดมฯ ได้ชนะการประมูลได้รับสิทธิ์การบริหารสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นเวลา 30 ปี (ปี2550-2580) ก็ได้บริหารเรื่อยมา ทางบริษัทฯ ได้ใช้เงินกว่า 200 ล้านบาท ลงทุนสร้างสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 9 หลุม ช่องไดร์ฟกอล์ฟ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ ต่อมาได้รับแจ้งจากทางกองทัพอากาศว่าสัญญาเดิม 30 ปี ยาวนานเกินไป เกรงจะมีข้อจำกัดต่างๆ จึงขอให้ต่อสัญญาทุกๆ 3 ปี และทุกสัญญาจะขอปรับเพิ่มค่าเช่าขึ้น 5% เราก็ยอมรับทำตามเรื่อยมา สัญญาล่าสุดต่อปี 60-63 ครบกำหนดแล้ว ก็ได้รับแจ้งมาอีกว่าขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดสัญญาเช่าใหม่ โดยขอปรับค่าเช่าขึ้น 500% และระบุว่าเนื้อหาในสัญญาจะถูกปรับแก้เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงพื้นที่เช่าส่วนไหนจะถูกตัดปรับแก้อย่างไรก็เป็นของกองทัพอากาศด้วย ตรงนี้เราจะรับได้อย่างไร



ดร.พรรรวิภา กล่าวอีกว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด ผลประกอบการรายได้เราลดลงอย่างมาก อยู่กันอย่างยากลำบาก เราได้เข้าไปเจรจากับคู่สัญญาฯ เพื่อขอความเห็นใจ การเจรจาก็ไม่เป็นผล แถมทางคู่สัญญายังได้แจ้งอีกว่าจะเปิดประมูลให้เอกชนรายใหม่เข้ามาบริหาร โดยเปิดโอกาสให้สตาร์โดมมีสิทธิ์ร่วมการประมูลสัมปทานครั้งใหม่ ทั้งที่เรามีสัญญายาวถึงปี 2580 ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร เราต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ







“พนักงานเรา 300 ชีวิตจะอยู่ยังไง เราเป็นเอกชนไม่อยากจะมีเรื่องกับส่วนราชการอยู่แล้ว โดยเฉพาะทหารใครๆ ก็รู้ดี เราไม่อยากถูกรังแกจึงอยากขอความเห็นใจ ขอยืนยันว่าเราจะไม่ไปไหน จะเปิดให้บริการตามปกติ เพราะเรามีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญา” ดร.พรรวิภา กล่าว อย่างไรก็ตามทางสื่อมวลชนยังไม่ได้รับข้อมูลชี้แจงใดๆ จากกองทัพอากาศหากมีความคืบหน้าจะนำเสนอให้ทราบต่อไป.

https://youtu.be/PmNHG5BhZdY

ทรงวุฒิ ทับทอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น