ห้วยตึงเฒ่าสร้างแลนด์าร์คใหม่ "ทุ่งเลี้ยงแกะมาพร้อมกังหันลม" และแกะยักษ์หุ่นฟางข้าว แห่งเดียวในประเทศไทย

ห้วยตึงเฒ่าสร้างแลนด์าร์คใหม่ "ทุ่งเลี้ยงแกะมาพร้อมกังหันลม" ไฮไลท์ใหม่แกะยักษ์หุ่นฟางข้าว แห่งเดียวในประเทศไทย แกะคู่แม่ลูกสูง 4 และ 3 เมตร ใช้ขนแกะแท้ที่เลี้ยงมาประดับไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปนั่ง ขี่ถ่ายภาพเซลฟี่ บนขนแกะแท้ เตรียมเปิดให้เที่ยวชมต้นเดือนกันยายนนี้ ยกลานทุ่งหญ้าแบบเนเธอร์แลนด์









ที่ อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าตามพระราชดำริ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กำลังสร้างแลนด์มาร์คใหม่ ทุ่งหญ้าเลี้ยงแกะ ด้านหลังนาข้าวและครอบครัวหุ่นฟางข้าว คิงคองยักษ์ บนเนื้อที่ 60 กว่าไรเศษ ปรับพื้นที่ลาดเนินเหมือนยกฟาร์มเลี้ยงแกะในต่างประเทศและกังหันลมจาก เนเธอร์แลนด์มาไว้ ให้นักท่องเที่ยวได้มีจุดแลนด์มาร์คใหม่ ของการเช็คอิน เซลฟี่









พันเอก สุปกรณ์ เรือนสติ ผู้จัดการสำนักงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เผยว่าขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างแกะคู่แม่ลูก จากหุ่นฟางข้าว ตัวแม่สูง 4 เมตร และลูกสูง 3 เมตรเศษ มาไว้บนเนิน พร้อมนำขนแกะแท้ที่ตัดจากแกะเลี้ยงปีละ 1 ครั้ง ออกมาตกแต่งบนตัวแกะให้เสมือนแกะจริง นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปถ่ายภาพเซลฟี่ และขี่บนหลังแกะที่มีขนแกะจริงๆ นอกจากนี้กังหันลม
แบบเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ด้านหลังหุ่งฟางข้าวแกะคู่แม่ลูก แต่มีฉากหลังเป็นดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปด้านบนแล้วถ่ายภาพเห็นทุ่งหญ้า แกะจริงๆ พร้อมเห็นนาข้าวและครอบครัวหุ่นฟางข้าวคิงคองยักษ์ได้อีกด้วย















อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวจะได้มาเดินเล่น บนทุ่งญ้า ให้อาการแกะถึงมือแบบโล่งอิสระเหมือนในต่างประเทศ กังหันลมตัวนี้จะใช้ลมที่พัดกังหันสูบปั้มน้ำขึ้นมาเพื่อใช้ฉีดรดน้ำต้นไม้บริเวณเนิน และบ่อสำหรับดื่มน้ำของแกะ ส่วนการเดินขึ้นไปที่หุ่นฟางข้าวแกะ และกังหันลม จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล จัดคิวเพื่อไม่ให้แออัดสามารถขึ้นไปถ่ายรูปเหมือนตัวหุ่นฟางข้าวคิงคอง แต่ด้านบนกังหันจะมีเจ้าหน้าที่เพิ่มเพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวปีนปายถ่ายรูปอาจตกลงมาได้รับบาดเจ็บได้ ทั้งนี้การก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละ 60 ซึ่งเตรียมเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมจริงราวต้นเดือนกันยายน หรือช่วงวันหยุดยาว 4 -7 กันยายนนี้ จึงขอชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยแบะชาวต่างชาติ มาเช็คอินถ่ายภาพกับแลนด์มาร์คใหม่ หุ่นฟางข้าวแกะแม่ลูกแห่งเดียวในประเทศไทย.



ทรงวุฒิ ทับทอง
Cr.ศิระ วีรตันตยาภรณ์