ปราจีนบุรี โขลงช้างป่าอ่างฤาไน 50 ตัว ยกทับกินพืชผลการเกษตรเสียหายยับ!!

ปราจีนบุรี โขลงช้างป่าอ่างฤาไน 50 ตัว ยกทับกินพืชผลการเกษตรเสียหายยับ!!





วันที่ 29 กย.63 ชาวบ้านโปร่งใหญ่ ม.9 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผวาโขลงช้างป่าอ่างฤาไน 50-60 ตัว ยกฝูงเข้ามาหากินในพื้นที่รอยต่อ ม.9 บ.โปร่งใหญ่ ต.วังท่าช้างโดยชาวบ้านพบเห็นรอยเท้าช้างหลายสิบตัวเดินเหยียบย่ำนาข้าวที่กำลังออกรวงราบเป็นหน้ากองและถอนมันสำปะหลัง อ้อย ของเกษตรกรในพื้นที่หลายรายกินเป็นหย่อมๆสร้างความเสียหายและหวาดผวาเป็นอย่างมากผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านพากันออกสำรวจนาข้าว ไร่มันสำปะหลังไร่อ้อยพบว่ามีร่องรอยช้างเหยีบบย่ำกัดกินเสียหายเป็นทางยาวและยังพบมีการหยุดพักผ่อนในพื้นที่เกษตรเป็นจุดๆ และพังกระท่อมของชาวไร่อีกด้วยสร้างความหวาดผวากับผู้ที่พบเห็นฝูงช้างฝูงนี้เป็นอย่างมากเกรงว่าช้างอาจทำร้ายเกษตรกรชาวนาชาวไร่ที่ออกไปทำงานในพื้นที่การเกษตรของตัวเอง





หลังจากพบโขลงช้างป่าได้แจ้งเจ้าหน้าที่เขตพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชอ่างฤาไนให้มาทำการผลักดันช้างป่าโขลงช้างกลับคืนป่าแล้ว ยังไม่ทราบว่าโขลงช้างป่ากลับเข้าป่าหมดทุกตัวหรือไม่โดยชาวบ้านพบเห็นช้างอีกกลุ่มหนึ่งเมื่อคืนหากินที่สวนมันและป่าอ้อยของชาวบ้านอีกนายนรงค์ฤทธิ์ ชาภักดี ชาวบ้านโปร่งใหญ่กล่าวว่าพบเห็นโขลงช้างราว 50-60 ตัว ออกมาหากินที่ไร่มันสำปะหลังของตนเองเมื่อคืนวันที่ 28 และเห็นย้ายไปอยู่อีกที่หนึ่งทางชาวบ้านได้จุดประทัดปิงปองไลไป แต่ละคืนหมดประทัดปิงปอง 1-2 กก.ราว 30-40 ลูก นายทองคำ คำพันชนะ ผู้ใหญ่บ้านบ้านโปร่งใหญ่ ม.9 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี



กล่าวว่าได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่าพบเห็นโขลงช้างป่ามากกว่า 50 ตัวมาหากินในพื้นที่การเกษตร เช่น นาข้าว ไร่มัน ไร่อ้อยในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงหลายสิบรายซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและคอยเฝ้าระวังโขลงช้างป่าโขลงนี้ต่อไปอีกเพราะว่าพบเห็นช้างแตกโขลงออกหากินอีก 2-4ตัว ซึ่งเมื่อคืนมีลูกบ้านได้พบเห็นช้างตัวใหญ่ถอนมันสำปะหลัง กัดกินอ้อยของลูกบ้านอยู่อีกและพบว่ามีร่องรอยลงอยู่ในสระน้ำของเกษตรกรในพื้นที่อีกด้วยไม่แน่ใจว่าจะมีช้างอยู่ในพื้นที่กี่ตัว คาดว่าโขลงช้างป่าน่าจะวนเวียนหากินอยู่บริเวณดังกล่าวนี้อีกต่อไปทุกปีโขลงช้างโขลงนี้จะมาหากินเป็นประจำ หากเป็นช่วงข้าวออกรวงใกล้จะเก็บเกี่ยวได้ช้างป่าจะเข้ามากลับกินข้าวจนหมดแปลงได้แต่ทำใจ เพราะช้างเคยมาหากินแถบนี้มานานขยายเส้นทางหากินจนมาอยู่ในที่ที่ประชาชนทำมาหากินในปัจจุบัน...