ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน
ย้อนหลังไปเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา 31 ต.ค.2556 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตัดสินใจเป่า ‘นกหวีด’ ชวนมวลมหาประชาชนครั้งแรกที่สถานีรถไฟสามเสน เพื่อต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ของพรรคเพื่อไทย โดย พรบ.ดังกล่าวเป็นการ ‘นิรโทษกรรม’ ที่ครอบคลุมทุกฝ่ายโดยเฉพาะ นายทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เอง ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายเพราะเท่ากับเป็นการนิรโทษกรรมให้แก่คดีอาญา และคดีผู้ทุจริตคอร์รัปชัน
“ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ จึงลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นผู้นำมวลชน และตั้งคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) จากนั้นได้ยกระดับการชุมนุมลงบนถนน เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ
เวลาต่อมากลุ่ม กปปส. ได้เข้ายึดสถานที่ราชการ และพื้นที่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองหลายแห่ง ระหว่างการชุมนุม “ลุงกำนัน” จะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนและนักธุรกิจอย่างล้นหลามจนในที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ทนแรงกดดันไม่ไหว ตัดสินใจยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และกำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่ “ลุงกำนัน” และมวลชน กปปส. ได้เรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศก่อนมีการเลือกตั้ง จากนั้นได้จัดตั้งเวทีชุมนุมใหญ่ใจกลางกรุงเทพ พร้อมปิดล้อมหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งทำให้การเลือกตั้งในปี 2557 ต้องเป็นโมฆะในที่สุด
แต่สุดท้าย “กปปส.” ก็ต้องยุติบทบาท เมื่อเกิดการทำรัฐประหาร โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ทั้งสองฝ่ายคือแนวร่วม นปช. และแนวร่วม กปปส. ถูกดำเนินคดีในข้อหาแตกต่างกันไป บางคนก็จบลงด้วยการถูกจำคุก บางคนก็หลุดคดีไป บางคนก็โดนรอลงอาญา ในขณะที่คดีของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส.รวม 39 ราย ศาลเตรียมอ่านคำพิพากษาในวันพุธที่ 24 ก.พ.2564 ในความผิด 9 ข้อหา ฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ยุยงให้หยุดงานฯ กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ อั้งยี่ ซ่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งบรรดากองเชียร์ต่างลุ้นระทึกว่าคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร .
สกู๊ป : พจน์ คำจันทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น