สุราษฎร์ธานี // ดับความหวังลูกผู้ชายชื่อไอ้แผน..! ผู้เชี่ยวชาญเผยน้ำมะพร้าว “ไม่ช่วย” เพิ่มพลังเพศ .

ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน



จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวจำนวนมากทั้งมะพร้าวแกง และมะพร้าวน้ำหอมเพื่อบริโภค จากกรณีมีเรื่องฮือฮาในโลกโซเชียล เมื่อสาวใหญ่เดินขึ้นโรงพักขอเลิกกับสามีวัย 64 ปี หลังอยู่กินกันมานาน โดยอ้างว่าสามีขอมีเพศสัมพันธ์วันละหลายรอบ สาเหตุเนื่องจากสามีดื่ม "น้ำมะพร้าว" ทุกวันทำให้คึกคักเพิ่มพลังชายกวนภรรยาถึงขั้นจนทนไม่ไหว หนำซ้ำยังขี้หึง และโดนขู่เอามีดเชือดคออีกด้วย



เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้ชาวโซเชี่ยลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และทั่วประเทศมีการตื่นตัวแชร์คลิปในโลกโซเชี่ยลต่อๆกันไปจนเป็นกระแส “น้ำมะพร้าว” ในชั่วข้ามคืนทำให้เกิดข้อสงสัยว่า "น้ำมะพร้าว" ช่วยเพิ่ม "สมรรถภาพทางเพศ" จริงหรือไม่ ล่าสุดนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "น้ำมะพร้าว" ไม่มีส่วนช่วยในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด เพราะน้ำมะพร้าวมีฤทธิ์เย็น มีสารโพแทสเซียมสูง ซึ่งไม่เกี่ยวกับฮอร์โมนเพศเลย และไม่มีงานวิจัยยืนยันว่าน้ำมะพร้าวไปเพิ่มฮอร์โมนเพศแต่อย่างใด
ยกเว้นในกรณีน้ำมันมะพร้าว ซึ่งอาจเพิ่มพลังงานความร้อน เนื่องจากสกัดมาจากเนื้อมะพร้าวสกัดมาเป็นน้ำมันช่วยในการเพิ่มพลังความร้อนในร่างกาย ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น และเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย แต่การจะเพิ่มสมรรถภาพทางเพศจากการกินน้ำมันมะพร้าว ต้องขึ้นอยู่กับการบริโภคอย่างอื่นร่วมด้วยเช่น สมุนไพรต่างๆ



ขณะที่คุณสุกานต์ดา เรืองขจร ผู้จัดการชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการดื่มน้ำมะพร้าวจะช่วยให้ผิวพรรณของผู้หญิงดูสดใสเปล่งปลั่ง แต่ควรกินทั้งเนื้อมะพร้าวและน้ำมะพร้าวไปพร้อมกัน เพราะน้ำมะพร้าวมีฤทธิ์เย็นส่วนเนื้อมะพร้าวมีฤทธิ์ร้อน ดังนั้นการจะไปเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้กับผู้ชายจากการดื่มน้ำมะพร้าว จึงไม่น่าเกี่ยวกัน ตนในฐานะเป็นผู้ศึกษาด้านน้ำมันมะพร้าวมานานขอแนะนำว่าน้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์มากกว่า สามารถกินได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งช่วยในเรื่องการระบายท้อง โดยให้กินในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหาร 30 นาที และตามด้วยน้ำอุ่น ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน และหัวใจ ส่วนผู้หญิงจะช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง ขณะที่ผู้ชายจะช่วยแก้การอักเสบของต่อมลูกหมาก .

ข่าว : พจน์ คำจันทร์
ขอบคุณ : ม.รังสิต