วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2564

ณ ห้อง 311 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ มีการประชุมเพื่อศึกษาการออกประกาศของ กทม.

วันที่ 29 มีนาคม 2564 เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้อง 311 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ มีการประชุมเพื่อศึกษาการออกประกาศของ กทม.



หลังได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติของผู้ทำการค้าและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะว่าเป็นการเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยมี นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย สมาชิกวุฒิสภา ผู้แทนจากสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร และผู้แทนจากเครือข่ายหาบเร่แผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เข้าร่วมการประชุม



.
สำหรับการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนเครือข่ายแผงลอยฯ ได้ร้องเรียนว่า กฎระเบียบที่ออกมานั้นได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ค้าขาย โดยมีการขอให้จับสลากเพื่อจัดสรรพื้นที่ค้าใหม่ โดยไม่ได้คำนึงถึงผู้ค้าเดิม นอกจากนี้ การรับรองผู้ค้าจะต้องให้ข้าราชการ หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือประธานกรรมการชุมชน ตามภูมิลำเนาในเขตหรืออำเภอเดียวกันกับผู้มีรายได้ เป็นผู้รับรองเอกสาร ทำให้เกิดความยากลำบาก เสียโอกาสในการค้าขาย เนื่องจากผู้ค้าส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด ควรมีการแก้ไขประกาศฉบับดังกล่าวเพื่อความเท่าเทียมกันและแก้ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งตัวแทนผู้ค้ายืนยันว่า ไม่เคยร้องขอให้รัฐช่วยเหลือเยียวยาใด ๆ นอกจากขอพื้นที่ค้าขายขนาด 1.20 เมตรต่อราย เท่านั้น ด้านผู้แทนจากสำนักเทศกิจกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงกรณีรับรองผู้ค้านั้นสามารถให้ประธานชุมชนในพื้นที่ค้าขายรับรองผู้ค้าได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปตามภูมิลำเนาเดิมของผู้ค้า



.
ในการนี้ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้ทำงานแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ของคนในสังคม ทั้งนี้ต่อเรื่องดังกล่าวทำอย่างไรให้คนมีอาชีพสุจริต มีรายได้ เรื่องที่เรียกร้องส่วนใหญ่คือการขอพื้นที่สำหรับทำมาหากิน โดยหลักการแล้วพื้นที่นั้นจะต้องไม่ไปกีดขวางการจราจร และกลุ่มแม่ค้าต้องดูแลเรื่องความสะอาด และให้กรุงเทพมหานครเข้าไปช่วยเหลือดูแลเรื่องความสวยงามให้เป็นสีสันของกรุงเทพฯ ได้ โดยการหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น



ภาพ/ข่าว ฤทธิรณ ปัญญากาบ ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ รัฐสภา รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น