วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564

สุราษฎร์ธานี // ชาวบ้าน อ.วิภาวดี ผวา..! จับลูกจระเข้ได้ในคลองยัน ขณะที่นายอำเภอพุนพิน ปรับแผนตามล่าอีกตัวในคลองลีเล็ด .



ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน




เมื่อวันที่ 8 มีนาคม นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานจากนายวิโรจน์ เดชเกลี้ยง นายอำเภอวิภาวดี ว่าได้รับการประสานจากกำนัน ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี ว่าเมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค. 2564 เวลาประมาณ 20.00 น.ได้มีชาวบ้านพบลูกจระเข้ คาดว่าอายุประมาณ 20 วัน ความยาวประมาณ 30 ซม. 3-4 ตัว และจับได้ 1 ตัวในบริเวณคลองยัน ท้องที่หมู่ 1 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี เนื่องจากช่วงเวลาที่พบเป็นเวลากลางคืนทางผู้นำท้องที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง

นายวิชวุทย์ จินโต กล่าวว่าจระเข้อีก 1 ตัวที่มีชาวบ้านพบในคลองลีเล็ด ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน และยังจับไม่ได้ ได้มอบให้นายวิสูตร อินทรกำเนิด นายอำเภอพุนพิน หารือกับเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัด เจ้าหน้าที่ชุดไกรทอง ลุ่มน้ำตาปี ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคใต้ (สุราษฎร์ธานี) เพื่อวางแผนการค้นหา และติดตามจับให้ได้ต่อไป





สำหรับ จ.สุราษฎร์ธานี ในอดีตมีคลองมากมายสมัยก่อนมีจระเข้อยู่ชุกชุมหนึ่งในนั้นมีตำนานเล่าขานกันมาที่ “คลองอีปัน” ซึ่งเป็นคลองธรรมชาติแยกจากแม่น้ำตาปี เป็นคลองที่กล่าวกันว่าในอดีตชุกชุมด้วยจระเข้มากมาย และหนึ่งในนั้นที่ถือว่าเป็นตำนานเล่าขานของสองฝั่งคลองอีปันก็ คือ “วังโนราห์”

เหตุที่ได้ชื่อนี้มีเรื่องเล่าว่า ณ คืนหนึ่งคณะมโนราห์กลับจากการไปแสดงในยามดึกจำต้องล่องเรือผ่านเข้าสู่เวิ้งน้ำกว้างของคลองอีปัน ปรากฏว่ามีจระเข้ใหญ่ที่อยู่ในวังน้ำจู่โจมหมุนเรือคณะมโนราห์จน และกินเหล่ามโนราห์เคราะห์ร้ายจนหมดทั้งลำเรือ สถานที่แห่งนั้นจึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่แห่งนั้นจึงได้รับการเรียกขานกันว่า “วังโนราห์” และขนานนามจระเข้ผู้ครอบครองวังน้ำแห่งนั้นว่า “จ้าววังโนราห์” ไม่นานนักก็ปรากฏเหยื่อเคราะห์ร้ายอีก 2 รายซ้อน ๆ กัน ทั้งคู่เป็นชาย และเป็นคู่เกลอกัน วันหนึ่งทั้ง 2 ออกไปตัดหวายบริเวณทางตอนเหนือของคลองแล้ว ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยชาวบ้านแถบละแวกดังกล่าวได้ออกตามหาแต่ก็ไม่ เจอเพียงแต่เรือของทั้ง 2 ที่ถูกคว่ำจนจมน้ำ แหลกละเอียดจนชาวบ้านต่างลงความเห็นว่า ชายทั้ง 2 โดน “จ้าววังโนราห์” คาบไปกินเสียแล้ว



อีกไม่กี่วันต่อมาก็ปรากฏหญิงสาวพายเรือกำลังจะกลับบ้านแต่เมื่อผ่าน วังโนราห์แล้วก็หายตัวไปเฉยๆ ชาวบ้านพบเพียงเรือพายที่คว่ำพร้อมกับมีรอยแตกจากการขบกัดด้วย แรงมหาศาลหลังจากได้ลิ้มรสชาติเนื้อมนุษย์มาหลายๆครั้ง จระเข้ร้ายเริ่มรู้สึกติดใจจึงเริ่มออกอาละวาดอีกคราวนี้เหยื่อของมันเป็น ชายชราผู้มีอาชีพหาของป่าถูกคว่ำเรือ และลากไปกินอีกราย ท่ามกลางความหวาดกลัวของชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้านจึงจ้างหมอปราบจระเข้ฝีมือฉกาจมาจากแหล่งต่าง ๆ แต่ก็ดู เหมือนว่าจ้าววังโนราห์จะรู้ทันมันกบดานเงียบเหมือนนกรู้ จนชาวบ้านต่างเล่าลือกันว่ามันเป็น “จระเข้ผีสิง” แต่ด้วยความสามารถของ “โอม ชุมทอง” พรานจระเข้หนุ่มฝีมือดีที่เข้ามาล่า “จ้าววังโนราห์” จนมันต้องเป็นฝ่ายหนีหัวซุกหัวซุน และถูกเผด็จศึกลงได้ในไม่ช้า ความสงบสุขของที่นี่จึงหวนกลับมาอีกครั้งหนึ่งเป็นเหลือเพียงตำนานเล่าขาน ถึงความโหดร้ายอำมหิตของจระเข้ร้ายที่ชื่อ “จ้าววังโนราห์” เอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังได้

ข่าว : เสือ เมืองคนดี
ที่มา : ปชส.สฎ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น