วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564

กาฬสินธุ์แม่ไม่เชื่อลูกชายเข้าค่ายลูกเสือลงล้างตัวคนเดียวจมน้ำดับ

กาฬสินธุ์แม่ไม่เชื่อลูกชายเข้าค่ายลูกเสือลงล้างตัวคนเดียวจมน้ำดับ



แม่น้องปอนด์ไม่เชื่อลูกชายเข้าค่ายลูกเสือลงไปล้างตัวในหนองน้ำคนเดียวก่อนจมน้ำเสียชีวิต ระบุลูกชายกลัวไม่กล้าลงน้ำเพาะว่ายน้ำไม่เป็น เชื่อจมขณะเข้าฐาน “หนีสงครามหลบระเบิด”วอนตำรวจเร่งพิสูจน์ความจริง หากพบผิดดำเนินการถึงที่สุดและติดคุก ขณะที่เพื่อนเผยก่อนลงน้ำน้องปอนด์ขอให้ช่วยดูแลด้วยเพราะกลัวและว่ายน้ำไม่เป็น
จากกรณีนายทองนพเก้า สีทา หรือ “น้องปอนด์” อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนนาค้อวิทยาคม ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จมน้ำเสียชีวิตในหนองน้ำสาธารณะที่อยู่ติดกับโรงเรียน หลังจากร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยทางญาติติดใจในสาเหตุการณ์เสียชีวิตและคาดว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิตขณะเข้าฐาน “หนีสงครามหลบระเบิด”ซึ่งเป็นการฝึกให้เด็กดำน้ำ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เนื่องจากไม่ควรให้เด็กลงน้ำและไม่มีอุปกรณ์ป้องกันช่วยเหลือ กระทั่งผอ.สพป.กาฬสินธุ์สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ครูผู้ดูแลและควบคุมฐานยืนยันไม่ได้บังคับเด็กลงน้ำและคาดว่าน่าจะจมน้ำหลังเสร็จกิจกรรม เพราะไปล้างตัว เพราะช่วงที่ทำกิจกรรมมีครูดูแลอย่างใกล้ชิด
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 19 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บ้านของน้องปอนด์ ซึ่งญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 280 หมู่ 11 ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ และจะมีพิธีฌาปนกิจศพในช่วงบ่ายวันนี้ ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติและเพื่อนๆนักเรียน โดยเฉพาะนางบัวรื่น สีทา อายุ 48 ปี แม่ของ“น้องปอนด์”ซึ่งยังคงอยู่ในความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับก่อนวัยอันควร และไม่เชื่อว่าลูกชายจะจมน้ำเสียชีวิตเพราะลงไปล้างตัวหลังเสร็จกิจกรรม คาดว่าน่าจะจมน้ำขณะเข้าฐาน”หนีสงครามหลบระเบิด”

นางบัวรื่น สีทา อายุ 48 ปี แม่ของ“น้องปอนด์” กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ตนและญาติไม่เชื่อว่าน้องปอนด์ที่ไปเข้าค่ายลูกเสือที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นแล้วจะลงไปล้างเนื้อ ล้างตัวในหนองน้ำแล้วจมน้ำเสียชีวิต ตามที่ครูบอก ซึ่งเชื่อว่าน้องปอนด์จมน้ำเสียชีวิตขณะเข้ากิจกรรมฐานหนีสงครามหลบระเบิด เพราะตั้งแต่เล็กจนโตลูกชายไม่เคยลงไปในหนองน้ำสาธารณะแห่งนี้คนเดียว แม้จะอยู่ใกล้บ้าน เนื่องจากว่ายน้ำไม่เป็นและเป็นคนกลัวน้ำ จึงมั่นใจว่าจะไม่ยอมลงไปคนเดียวอย่างเด็ดขาด ประกอบกับจากการสอบถามเพื่อนๆของลูกชายก็บอกว่าเห็นน้องปอนด์ลงน้ำเข้าฐานหนีสงคราม แต่ไม่เห็นตอนขึ้นจากน้ำ เพราะทุกคนจะต้องสมมุติเหตุการณ์เพื่อให้ผ่านและได้คะแนน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งคลี่คลายสาเหตุที่ลูกชายจมน้ำเสียชีวิตให้กระจ่างชัดโดยเร็ว ซึ่งหากเป็นความผิดพลาดหรือประมาทก็ให้ดำเนินการถึงที่สุด และติดคุกเลย ทั้งนี้ตนและญาติยังสงสัยและตั้งข้อสังเกตว่าทำไมทางโรงเรียนและคณะครูจึงต้องให้เด็กลงไปในน้ำมีความลึกและที่เสี่ยงขนาดนี้ โดยไม่มีมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมจัดอุปกรณ์เสื้อชูชีพ หรือห่วงยางเอาไว้คอยช่วยเหลือ รวมทั้งน้องปอนด์ ซึ่งเป็นนักเรียนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบหายตัวไป แต่กลับไม่มีความกระตือรือร้นในการออกตามหายอีกด้วย
ด้านนายเอก (นามสมมุติ) เพื่อนน้องปอนด์ กล่าวว่า ตนกับน้องปอนด์เป็นเพื่อนสนิทกัน และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนต่างก็รู้ว่าน้องปอนด์ว่ายน้ำไม่เป็น ซึ่งก่อนเข้าร่วมกิจกรรมฐานหนีสงครามหลบระเบิดนั้น น้องปอนด์มีท่าทีเป็นกังวลมาก เนื่องจากต้องลงไปทำกิจกรรมในน้ำ จึงได้ร้องบอกตนและเพื่อนๆว่า คอยดูแลเขาด้วย เพราะเขากลัวน้ำและว่ายน้ำไม่เป็น

นายเอก กล่าวอีกว่า ในการเข้าฐานหนีสงครามหลบระเบิด จะมีลูกเสือกลุ่มละ 8-10 คน ลงไปแช่ตัวอยู่ในน้ำ เพื่อดำน้ำ มุดน้ำ หลบหนีก้อนดินโคลนที่ครูโยนลงมา ซึ่งตนอยู่คนละกลุ่มกับน้องปอนด์ โดยกลุ่มตนลงไปทำกิจกรรมก่อน จากนั้นก็เป็นกลุ่มของน้องปอนด์ลงน้ำไป ซึ่งน้องปอนด์ก็ร้องบอกตนและเพื่อนๆให้ดูแลเขาด้วย เพราะกลัวน้ำและว่ายน้ำไม่เป็นดังกล่าว แต่ตนก็ไม่มีเวลาจับตามองน้องปอนด์ตลอดเวลา เนื่องจากครูฝึกให้ตนไปเข้ากิจกรรมฐานต่อไป จึงไม่มีรู้ว่าน้องปอนด์หายไปตอนไหน เพราะรูปแบบการเข้าฐานนี้พอลงไปดำน้ำ มุดน้ำ เพื่อหนีระเบิดสักพัก ครูฝึกก็สั่งขึ้นมา ซึ่งเป็นลักษณะของการหนีต่างคนต่างเอาตัวรอด เด็กๆจึงไม่ได้ดูเพื่อนว่าขึ้นมาครบทุกคนหรือไม่ จากนั้นก็ให้ลงไปล้างเนื้อล้างตัวที่เปื้อนโคลนอีกครั้ง จึงไม่มีใครรู้ว่าน้องน้องปอนด์ขึ้นมาหรือเปล่าหรือจมน้ำตอนไหน ทั้งนี้ ทั้งตอนก่อนจะลงน้ำหรือขึ้นมาจากน้ำ ไม่มีการตรวจเช็คชื่อและจำนวนนักเรียน ซึ่งทางครูยังมีการนั่งในลักษณะสังสรรค์กันริมสระน้ำอีกด้วย
สำหรับเรื่องของคดีการเสียชีวิตล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ยังไม่ได้เรียกใครมาสอบปากคำ เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องยังไปช่วยงานศพ คาดว่าหลังจากทำพิธีฌาปนกิจในวันนี้แล้ว พนักงานสอบสวนจะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น