วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2564

คุมตัว“ไอ้ป๊ะ”คลั่งแทงคอผู้ใหญ่บ้านทำแผนร้องไห้กราบขอโทษแม่

ข่าว คุมตัว“ไอ้ป๊ะ”คลั่งแทงคอผู้ใหญ่บ้านทำแผนร้องไห้กราบขอโทษแม่



///////////////////////////////////////////////////////////////////////////
กรณี นายทศพล พันธ์โภคา หรือ ไอ้ป๊ะ อายุ 27 ปี หนุ่มหลอนยาขู่เผาโรงเรียนบ้านดงศรีสำราญ ต.บ้านเหล่า อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ก่อเหตุใช้เหล็กขูดชาร์ปแทงคอ นายภูษิต โยชน์สุวรรณ อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้ารดงศรีสำราญ ที่เข้ามาระงับเหตุ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้ไปขโมยรภ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีดำแดง ทะเบียน 1กถ 5030 อุดรธานี ของชาวบ้านในหมู่บ้านหลบหนี เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 19 มีนาคม กระทั่งเย็นวันที่ 22 มีนาคม ตำรวจ สภ.เพ็ญ ประสานตำรวจ สภ.วัดโบสถ์ ภ.จว.พิษณุโลก จับตัวไอ้ป๊ะได้พร้อมรถ จยย.ของกลาง ขณะขี่รถจะไปหาเพื่อนที่ จ.ลำพูน ควบคุมตัวกลับมาที่ สภ.เพ็ญ เมื่อช่วงสายวานนี้ แต่ต้องยกเลิกทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะชาวบ้านมามุงดูจำนวนมาก เกรงจะถูกรุมประชาทัณฑ์

วันที่ 24 มีนาคม 2564เวลา 10.00 น. ที่ ศปก. สภ.เพ็ญ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เดินทางมาสอบปากคำ นายทศพล พันธุ์โภคา หรือ ป๊ะ ผู้ต้องตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ข้อหา “พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ในการปฎิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและโดยมีอาวุธ และลักทรัพย์”

ซึ่ง นายป๊ะ ให้การรับสารภาพว่า ได้ใช้เหล็กขูดชาร์ปที่ตนเองพกติดตัวประจำ แทง นายภูษิต โยชน์สุวรรณ อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านดงศรีสำราญ จริง เพราะถูกผู้ใหญ่บ้านทำร้ายก่อน ด้วยการใช้ท่อนไม้ทุบหัวจนแตก จึงแทงสวนเพื่อป้องกันตัว และขโมยรถ จยย.ของชาวบ้านขี่หลบหนี แต่ไม่เคยทะเลาะกับครูในโรงเรียน และไม่เคยทำร้ายครู แต่ได้นำเอาเอกสารทางโรงเรียน เบิกค่าอาหารกลางวันไปให้ภารโรงเซ็นต์ชื่อเท่านั้น และไม่เคยไปแอบชอบครูในโรงเรียน เพราะตนไม่ชอบผู้หญิงมานานกว่า 3 ปีแล้ว และตนไม่ได้เสพยาเสพติดมานานแล้ว มีสติรู้รับผิดชอบดี ยินยอมไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

หลังจากนั้น พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.ยุทธศิลป์ นามแสง รอง ผกก.ป.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ วงษ์สนิทธีรา รอง ผกก.สส. เพ็ญ พ.ต.ท.ไพฑูรย์ โสนะโชติ สว.สส.สภ.เพ็ญ ควบคุมตัว นายทศพล หรือป๊ะ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่โรงเรียนบ้านดงศรีสำราญ ซึ่งมีกำลังตำรวจและผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานกว่า 30 นาย กระจายตัวอยู่รอบรั้วโรงเรียน เพื่อป้องกันการรุมประชาทัณฑ์ โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาดูการทำแผนรอบรั้งโรงเรียนจำนวนมาก รวมทั้ง นางราตรี พงษ์สินชัย อายุ 47 ปี แม่นายป๊ะ ที่ร้องไห้ตลอดเวลามายืนดูการทำแผนด้วย

เริ่มจากนายป๊ะ อ้างว่าเวลา 16.45 น. วันที่ 19 มีนาคม ได้เดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมเอกสาร มาถามหาภารโรง แต่ไม่มีใครอยู่ ไม่ได้ตะโกนด่าครู ไม่ได้อาละวาด แต่ผู้ใหญ่บ้านมาตีหัวตนจนแตกเลือดไหล ตนจึงใช้เหล็กขุดชาร์ป ที่พกติดตัวตลอด ไล่แทงผู้ใหญ่บ้านจนล้มลง และแทงลำคอ 2 ครั้ง กระทั่งมีชาวบ้านมาช่วยนำส่งโรงพยาบาล ส่วนตนเดินไปหลังโรงเรียน ไปขี่รถ จยย.ของชาวบ้านที่จอดไว้กระท่อมนาหลบหนีไป หาลุงและป้าที่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ขอเงิน 500 บาท ขี่รถต่อไปหาญาติที่ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา แต่ไม่พบ จึงขี่รถจยย.ย้อนกลับมาหาเพื่อนที่ ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี ขอเงิน 90 บาท แล้วเดินทางต่อ เพื่อจะไปบวชที่ จ.ลำพูน แต่มาถูกตำรวจจับที่ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก

เสร็จจากการทำแผนประกอบชี้ที่เกิดเหตุแล้ว นายป๊ะได้กราบขอโทษแม่ เพราะสำนึกผิด พร้อมกับร่ำไห้บอกว่า “ผมขอโทษ ตั้งใจจะบวชให้แม่ แต่ไม่ไปไม่ถึงวัดซักที” ส่วนนางราตรีถึงกับร้องไห้กอด นายป๊ะลูกชาย ด้วยความเสียใจและสงสาร นอกจากนี้ นายป๊ะ ยังได้ยกมือไหว้กล่าวขอโทษครูในโรงเรียนว่า “ขอโทษครูในโรงเรียนด้วย ที่เข้ามารบกวน ทำสิ่งไม่ดี สร้างความเดือดร้อนให้ครู ซึ่งตนก็เป็นศิษย์เก่าที่โรงเรียนนี้” จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายป๊ะ ขึ้นรถตู้กลับโรงพักทันที โดยไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น

หลังจากนั้น นางราตรี พงษ์สินชัย แม่ของนายป๊ะ เปิดเผยว่า นายป๊ะลูกชาย ตั้งใจมานานแล้วว่าจะบวช แต่แม่ต้องไปทำงาน ไม่มีเวลาอยู่ด้วย จึงไม่ได้บวช ส่วนเรื่องหลอน คุ้มคลั่งอาละวาดอย่างหนักเมื่อ 2 เดือนนี้ ยอมรับว่าลูกเคยมีประวัติเสพยาบ้ามาก่อน ส่วนสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะมาจาก 2 สาเหตุ คือเสพยาบ้า และไปเล่นคุณไสย์ สักยันต์บนศีรษะ ซึ่งจะต้องมีข้อห้าม แต่ปฎิบัติตามไม่ได้ ทำให้ของเข้าตัวเกิดอาการหลอน จนเสียสติ อีกอย่างไปย้ายศาลเจ้าที่ใต้ต้นยางใหญ่โดยพละการ ไม่ได้ทำพิธีอย่างถูกต้อง ทำให้เจ้าที่เจ้าทางไม่พอใจ พอถึงวันพระวันศีล มักจะอาละวาด และพูดแต่เรื่องผีตลอด หลังเกิดเหตุตนได้ทำขันธ์ห้าไปขอโทษขอขมาเจ้าที่ และไปย้ายศาลเจ้าที่ไปไว้ที่เดิมแล้ว





ด้าน นายจีรพงษ์ โยชน์สุวรรณ อายุ 35 ปี ลูกชายผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเดินทางมาดูการทำแผนด้วย เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนก็ไม่รู้จะพูดอะไร ตนก็อยากจะให้เป็นไปตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการดำเนินการตามกฎหมายไป ตนก็อยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมตัวนายทศพลได้ ซึ่งตอนนี้อาการของพ่อก็ดีขึ้นมาก และตนก็ไม่คิดว่าอาการของพ่อจะดีขึ้นเร็วขนาดนี้ตอนนี้พ่อก็ได้กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว ตนนั้นสบายใจขึ้นมาก แต่ก็ยังมีแอบไม่สบายใจนิดหน่อย เพราะว่าเมื่อวานตำรวจนำตัวมาดูจุดเกิดเหตุ ตนได้ยินว่าถ้าออกมาได้จะกลับคืนมาฆ่า ทำให้ตนยังไม่สบายใจมากนัก

หลังจากนั้น นายเอกราช วรรณคีรี ผอ.โรงเรียนบ้านดงศรีสำราญ ได้มอบดอกไม้ให้ พล.ต.ค.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.ตว.อุดรธานี เพื่อขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ครู นักเรียน ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงรู้สึกสบายใจ หลังจากที่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงมานาน

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า เหตุที่เกิดขึ้น ผู้ต้องหาทำไปเพราะสภาพทางจิตหรือยาเสพติดไม่ ซึ่งหลังจากนี้จะส่งตัวผู้ต้องหาตรวจจิตเวช และตรวจหาสารเสพติดอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยทั้ง 2 กรณีต้องเป็นความเห็นทางการแพทย์ แต่เบื้องต้นจากการสอบถามพูดคุยกับผู้ต้องหาในการทำแผนวันนี้ พบว่าผู้ต้องหามีสติสัมปชัญญะดี และจากประวัติของผู้ต้องหา ทราบว่าเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา มีการนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะช่วงนั้นมีอาการคุ้มคลั่ง มีการฉีดยาเพื่อให้อาการสงบ

“เรื่องนี้เป็นปัญหาอีกเรื่องของชาว จ.อุดรธานี โดยทางจังหวัดอุดรธานีร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัด ได้พยายามแก้ปัญหาแบบบูรณาการ ตามนโยบายของ ผบช.ภ.4 ในเรื่องของการนำผู้ป่วยจิตเวช เข้าสู่ระบบการดำเนินการป้องกันแบบทีมผู้พิทักษ์ ที่จะะให้กลุ่มคนเหล่านี้ ได้เข้าถึงยาและสร้างวินัยในการกินยา ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ใกล้ชิดและผู้ดูแลอนุบาลว่า พิษภัยดังกล่าวต้องเข้าถึงยา และกินยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะลดความวิตกจริตของผู้ที่ก่อเหตุ ท้ายสุดก็จะลดความหวาดระแวงของชุมชนและสังคม ของประชาชนในจังหวัดอุดรธานีต่อไป” ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กล่าว



////////////
นายกฤษดา จันทร์ดวง ผุ้สื่อข่าว จ.อุดรธานี 0804141617

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น