วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564

วิกฤติโควิด-19 วันเดียวเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อสูงถึง 148 ราย กว่าร้อยละ 74 เกี่ยวข้องสถานบันเทิง เปิดโรงพยาบาลสนามแล้วรองรับผู้ป่วยไม่รุนแรงได้กว่า 1 พันราย กันโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยหนักเข้ารักษา

วิกฤติโควิด-19 วันเดียวเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อสูงถึง 148 ราย กว่าร้อยละ 74 เกี่ยวข้องสถานบันเทิง เปิดโรงพยาบาลสนามแล้วรองรับผู้ป่วยไม่รุนแรงได้กว่า 1 พันราย กันโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยหนักเข้ารักษา





วันที่ 9 เม.ย. 64 เวลา 17.00 น. ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดย นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายแพทย์วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งวันนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อมากถึง 148 ราย



นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกำหนดชื่อไว้ว่า การระบาดระลอกเดือนเมษายน 2564 จ.เชียงใหม่ โดยเริ่มมีการระบาดในรอบนี้ตั้งแต่ 5 เมษายน 2564 วันนี้มีผู้ป่วยได้รับการตรวจพบใหม่รวมทั้งสิ้น 148 ราย รวมสะสมระลอกนี้ 5 วัน จำนวน 195 ราย ผลการสืบสวนสอบสวนโรคขอสรุปภาพรวมที่เพิ่มให้ของวันนี้ทั้ง 148 ราย เป็นใครบ้าง

“ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ที่ตรวจพบในวันนี้ จำนวน 148 ราย ร้อยละ 74 เป็นกลุ่มผู้สัมผัสในสถานบันเทิง มี 110 ราย ที่เหลือร้อยละ 26 เป็นกลุ่มสัมผัสร่วมบ้าน 5 ราย เป็นกลุ่มที่ให้ประวัติว่านำเชื้อโดยไปในสถานที่เสี่ยงของจังหวัดอื่นๆ 6 ราย และน่าเชื่อว่าสัมผัสในชุมชนอื่นๆ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 6 ราย และยังอยู่ระหว่างการสอบสวน 21 ราย ทั้งนี้ได้ข้อมูลสถานที่เสี่ยงพอสมควรแล้ว สามารถติดตามได้จากเพจเฟสบุ๊ค “งานประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่” ซึ่งจะให้ข้อมูลสถานที่เสี่ยงเพิ่มเติมในทุกวัน โดยขอให้ผู้ที่เดินทางไปในสถานที่เสี่ยงให้ดูแลตัวเอง และสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน ใส่หน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่างกับบุคคลในครอบครัว หากมีอาการผิดปกติ เป็นไข้ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีความผิดปกติทางเดินหายใจ สามารถตรวจได้ทุกโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ประวัติว่าได้ไปในสถานที่เสี่ยง หากทราบแน่ชัดว่าบุคคลที่สัมผัสป่วยติดเชื้อ ต้องรีบเข้ารับการตรวจโดยทันทีเพื่อพิสูจน์ทราบว่ามีการติดเชื้อหรือยัง หากไม่พบการติดเชื้อยังต้องสังเกตอาการต่ออีกเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันสัมผัส” นายแพทย์จตุชัยฯ กล่าว

“ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจะมีอายุอยู่ในวัยทำงาน กลุ่มที่พบมากมีอายุ 20-29 ปี รองลงมาเป็นช่วงอายุ 30-39 ปี สำหรับยอดผู้ที่เข้ารับการตรวจคัดกรองเชิงรุกทั้งที่โรงพยาบาลและจุดที่รถพระราชทานไปจอดให้บริการ ซึ่งวันนี้ได้ไปจอดบริเวณหน้าร้านวอร์มอัพ วันที่ 9 เม.ย. 64 ได้ตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน 601 ราย และผู้ที่มีประวัติเดินทางไปสถานบันเทิงจุดเสี่ยง ด้วยรถพระราชทานชีวนิรภัย อีกจำนวน 399 ราย รวมทั้งสิ้น 1,000 ราย ซึ่งจะทยอยรายงานเพิ่มเติมเข้ามา” นพ.สสจ.เชียงใหม่ กล่าว

“จากตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากการระบาดในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ และลุกลามเข้าเชียงใหม่ สายพันธุ์บริเวณน่านทองหล่อเป็นสายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งสายพันธุ์นี้ติดต่อกันง่ายมาก ต่างจากการระบาดในเชียงใหม่ระลอกที่ผ่านมาตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่มากไม่พุ่งสูง ในเชียงใหม่ได้วางแผนตั้งรับการระบาด โดยประเมินว่าหากมีผู้ติดเชื้อถึง 100 จะต้องจัดให้มีโรงพยาบาลสนาม ซึ่งได้เตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงมกราคม 2564 และได้ใช้แล้วในขณะนี้ โดยโรงพยาบาลสนามจัดตั้งที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา มีศักยภาพรองรับผู้ป่วยวันนี้ได้ 280 คน และสามารถขยายได้ถึง 500 คน และหากมีความจะเป็นสามารถขยายได้สูงสุดถึง 1,000 คน” นพ.สสจ.เชียงใหม่ กล่าว



ด้าน นายแพทย์วรเชษฐ์ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ กล่าวถึงแนวทางการรักษาและโรงพยาบาลสนาม ว่า ในส่วนทีมรักษาพยาบาล ส่วนแรกจะเป็นการตรวจหาเชื้อ ขณะนี้มีผู้สัมผัสจำนวนมาก และมีผู้ไปตรวจหาเชื้อค่อนข้างมาก ขอแจ้งว่า ที่ศูนย์ประชุมฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงพยาบาลสนาม ไม่ได้รับตรวจหาเชื้อ ขอให้ไปผู้ที่มีความสงสัยไปตรวจตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ในกรณีที่ทราบว่าตนเองไปสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ อย่าเพิ่งตระหนก โดยข้อเท็จจริงแล้วการตรวจหาเชื้อที่ดีที่สุด ต้องรอ 4-5 วัน ถึงจะตรวจหาเชื้อได้เจอ หากผู้ใดที่คิดว่ามีการสัมผัสผู้ติดเชื้อช่วงนี้ให้แยกตัวเองออกจากผู้อื่น เพื่อป้องกันเชื้อกระจาย คนที่ตรวจหาเชื้อแล้ว ระหว่างรอผลไม่เกิน 1 วัน ขอให้งดการเดินทาง ทำให้หากผลออกมาแล้วติดเชื้อ จะส่งผลกระทบต่อผู้อื่น



“การระบาดรอบนี้เชียงใหม่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น จึงต้องกระจายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ตามความเหมาะสม ตามความหนักเบาของผู้ป่วย วันนี้มีคนไข้จำนวนมากจึงได้ขอให้คนไข้เข้ามาคัดกรองอาการเป็นอันดับแรก หากมีอาการหนัก ปอดบวม จะได้รับการดูและอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาล ส่วนผู้ที่แข็งแรง ไม่มีความเสี่ยง ผลเอ็กซ์เรย์ปอดเป็นปกติ คืออาการไม่หนัก ก็จะให้พักดูแลในโรงพยาบาลสนามก่อน ซึ่งมีพื้นที่ดูแลค่อนข้างมาก สะดวก มีทั้งแพทย์ พยาบาล ประจำตลอดเวลา หากมีอาการเปลี่ยนแปลงสามารถส่งรักษาที่นครพิงค์ได้อย่างทันท่วงที” ผอ.โรงพยาบาลนครพิงค์ กล่าว



นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โรงพยาบาลหลัก ๆ สงวนไว้สำหรับผู้ป่วยหนัก รายที่อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องการการดูแลโดยทีมแพทย์จำนวนมาก ส่วนผู้ที่อาการยังไม่รุนแรงมากนัก จะพิจารณาให้อยู่ที่โรงพยาบาลสนาม ต้องบอกว่าที่โรงพยาบาลสนามนั้นมีห้องปรับอากาศ มีระบบระบายอากาศ สถานที่สะดวกสบายพอสมควร และถือว่าดีกว่าหลาย ๆ แห่ง และที่อยากสื่อสารในห้วงสถานการณ์วิกฤติครั้งนี้เพิ่มเติมคือ ขอให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ลดการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ เพื่อลดโอกาสการจะนำเชื้อเข้าบ้าน ในห้วง 1-2 สัปดาห์นี้ ประเมินสถานการณ์ก่อนว่าทิศทางเชียงใหม่จะเป็นอย่างไร ขอให้อดทนร่วมกัน และให้กำลังใจทุกคนให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้

ทั้งนี้หากท่านใดมีความประสงค์จะร่วมด้วยช่วยกันกับโรงพยาบาลสนามของเชียงใหม่ สามารถร่วมบริจาคได้ อาทิ เครื่องนอน เตียงสนาม เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย ชุด PPE รวมถึง อาหาร น้ำดื่ม โดยแจ้งความจำนงนำบริจาคได้ที่ โรงพยาบาลสนาม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบ พระชนมพรรษา สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.053 010 561 – 2



สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่แนะนำประชาชนที่เข้าไปใช้บริการในร้านที่พบการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 4 เมษายน 2564 โดยให้สังเกตอาการตนเอง 14 วัน ปฏิบัติตัวตามมาตรการการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด หากพบอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมบอกประวัติเสี่ยง และสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ที่หน่วยตรวจเคลื่อนที่ โดยรถตรวจหาเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ตามวันที่ 10-11 เมษายน 2564 เวลา 09.30 – 15.00 น. ณ บริเวณหน้าร้านวอร์มอัพ คาเฟ่ พร้อมทั้งติดตามประกาศพื้นที่เสี่ยงระบาดเพิ่มเติมได้จากที่ โดยติดตามได้ทางหน้าเพจเฟซบุ๊ค ประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และเพจ ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น