ร้อยเอ็ดพบผู้ป่วยโรคโควิด19เพิ่มถึง15รายพร้อมจัดโรงพยาบาลสนามและสั่งปิดสถานบริการกลุ่มเสี่ยงจนถึงวันที่18เมษายน2564
/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0957579184-ข่าว
เมื่อวันนี้13เมย64 เวลา10.00น.ณ ห้องประชุมพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ชั้น5ศาลากลางร้อยเอ็ด นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายชนาส ชัชวาลวงศ์ รอง.ผวจ.รอ. พล.ต.ต.ไพโรจน์ มังคลา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พล.ต.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผบ.มทบ.27 นพ.ปิติ ทั้งไพศาล นพ.สสจ.ร้อยเอ็ด ประชุมคณะกรรมการในการดำเนินงานป้องกันโรคโควิด-19 โดยการดำเนินงานของ นพ.ชาญชัย จันทรวรชัยกุล ผอ.รพ.ร้อยเอ็ด นพ.วิบูลย์ เตชะไพบูลย์ รอง.ผอ.รพ.ร้อยเอ็ด และคณะกรรมการ
ในที่ประชุมเสนอข้อมูลในสถานการณ์โรคโควิด19 จังหวัดร้อยเอ็ดได้ดำเนินการตรวจและรักษาคนไข้โรคโควิด19 วันนี้13เม.ย.664 พบคนไข้เพิ่มอีก3รายรวมสะสมเป็น14ราย และรอผลอีก1ราย รวมสะสมเป็น15ราย ล่าสุดได้ตรวจกลุ่มเสี่ยงคือบุคลากรผู้ประกอบการสถานบริการ โดยศูนย์ส่งเสริมสุขภาพสวนพยอม ได้ตรวจบุคลากรสถานบันเทิง5แห่ง ผลคือ โรงเบียร์125คน พบกลุ่มเสี่ยง(HRC)จำนวน3ราย ปกติ122คน ตะวันแดง 83 คน พบกลุ่มเสี่ยง(HRC)จำนวน12รายปกติ71คน ตำนานคนอีสาน 96คน พบกลุ่มเสี่ยง(HRC)จำนวน3ราย ปกติ93คน รูท77จำนวน20ราย พบกลุ่มเสี่ยง(HRC)จำนวน9ราย ปกติ11คน กลุ่มมาเที่ยว จำนวน59คน พบกลุ่มเสี่ยง(HRC)จำนวน8ราย ปกติ51คน โดยในวันนี้13เมย64จะตรวจสถานบริการต่อเนื่อง
โดยที่สถานบริการที่แออัดกลุ่มเสี่ยง ได้ประกาศปิดตัวเองแล้ว18แห่ง อาทิ โรงเบียร์ ตะวันแดง ตำนานอีสาน ฯลฯ โดยในวันนี้13เมย64 สถานบริการจะพิจารณาสั่งปิดตัวเองเพิ่มอีก เนื่องจากมีการตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มทุกวัน นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเพื่อเตรียมแผนเปิดโรงพยาบาลสนาม จากข้อมูลเปิดรพ.สนามได้ คือ ที่ โรงพยาบร้อยเอ็ด,รพ.เกษตรวิสัย,รพ.สุวรรณภูมิ,รพ.ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก,หอประชุมจังหวัดฯลฯ รวมแล้วเกือบ500เตียง โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก อบจ.ร้อยเอ็ดและป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรวม5.4ล้านบาท
และมติในที่ประชุมได้เห็นชอบสถานประกอบการกลุ่มเสี่ยง ให้สั่งปิดไปจนถึง18เมย64 อาทิห้องจัดเลี้ยงที่มีคาราโอเกะ
/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0957579184-ข่าว
วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2564
ร้อยเอ็ดพบผู้ป่วยโรคโควิด19เพิ่มถึง15รายพร้อมจัดโรงพยาบาลสนามและสั่งปิดสถานบริการกลุ่มเสี่ยงจนถึงวันที่18เมษายน2564
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น