วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2564

สุราษฎร์ธานี // เกาะสมุยปฏิบัติตามมาตรการของผวจ. ล่าสุดยอดป่วยโควิดสะสม 30 ราย เดินทางเข้าเกาะต้องสแกนคิวอาร์โค๊ด .



ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน



วันที่ 18 เม. ย. 2564 ตามที่จ.สุราษฎร์ธานี ได้ออกคำสั่งมาตรการเร่งด่วนฉบับที่ 38 ลงวันที่ 17 เมษายน 2564 เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และหาแนวทางป้องกัน ซึ่งการแพร่ระบาดโรคระลอกใหม่ ของอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี มีผู้ป่วยสะสมจำนวน 30 ราย ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งหมด โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการดังนี้

• งดการจัดกิจกรรมงานสังสรรค์ งานเลี้ยง หรืองานรื่นเริงในช่วงนี้ เว้นแต่เป็นการจัดพิธีการตามประเพณี จำกัดไม่เกิน 50 คน และต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อนมีการจัดงาน พร้อมมีมาตรการป้องกันโรคเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ โดยให้ยื่นขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย
หรือ ยื่นขออนุญาตต่อสำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย

• ผู้ที่เดินทางเข้าเกาะสมุย ทุกคนจะต้องคัดกรองโควิด-19 ด้วยการสแกน QR Code “Samui Health Pass” ผู้ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จจะมีความผิดตามกฏหมาย



• ผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ ควบคุมสูงสุด (สีแดง) จำนวน 18 จังหวัด ได้ แก่
- กรุงเทพมหานคร
- เชียงใหม่
- ชลบุรี
- สมุทรปราการ
- ประจวบคีรีขันธ์
- สมุทรสาคร
- ปทุมธานี
- นครปฐม
- ภูเก็ต
- นครราชสีมา
- นนทบุรี
- สงขลา
- ตาก
- อุดรธานี
- สุพรรณบุรี
- สระแก้ว
- ระยอง
- ขอนแก่น

• เมื่อเดินทางถึงพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ให้รีบไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลามาถึง โดยแจ้งต่อผอ.รพ.สต. หรืออสม. เพื่อประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น และให้ใช้มาตรการกักกันตัวอยู่ที่บ้านหรือสถานที่ที่ห่างจากบุคคลอื่นเพื่อสังเกตอาการ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามอาการ ทุกวัน ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในอำเภอเกาะสมุย หรือจนครบ 14 วัน



• ผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 59 จังหวัดที่เหลือเมื่อเดินทางเข้ามาพื้นที่อำเภอเกาะสมุย ให้ใช้มาตรการแยกตัว ตามแนวทางควบคุมโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยเคร่งครัด ตามระยะเวลาที่อยู่ในอำเภอเกาะสมุย หรือจนครบ 14 วัน โดยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างทางสังคม หลีกเลี่ยงการสัมผัสระหว่างกัน หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่แออัด หรือพื้นที่ชุมชน เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 เป็นต้นไป .

รายงาน : พ.ท.อำนาจ ปาทะกาญจน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน อ่านเพิ่มเติม
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของคุณ อ่านเพิ่มเติม