"รฎาวัญ"นำแพทย์แผนไทยร้องกรรมาธิการสาธารณสุข ช่วยดึงทุกฝ่ายศึกษาสรรพคุณตำรับยาแผนไทยใช้รักษาโควิด-19 หวั่นมรดกไทยสูญหาย
วันที่ 1 มิถุนายน 2564-นางรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานในฐานะประธานองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ได้นำคณะแพทย์แผนไทยแพทย์แผนไทยประยุกต์และหมอพื้นบ้านจำนวนหนึ่ง ยื่นญัตติ ต่อคณะกรรมาธิการการสาธารณสุขสภาผู้แทนราษฎร ขอให้พิจารณาศึกษาปัญหาการละเมิดเภสัชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และปัญหาของตำรับยาแผนไทยที่ขาดการพัฒนาวิจัยต่อยอดอย่างจริงจัง เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นคลังยาสมุนไพรและเป็นศูนย์กลางการเสริมสร้าง
สุขภาพแบบองค์รวมของโลก
เรียน โดยมีนายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎรมารับหนังสือ พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ อาทิ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ,นายสวาป เผ่าประธาน,นส.เพขรดาว โต้ะมีนา และมีดร.พิเชษฐ์ เชื่อเมืองพาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงรายมาต้อนรับด้วย
นางรฎาวัญ กล่าวถึงเหตุผลที่มายื่นญัตติครั้งนี้ว่า เนื่องจากการพัฒนาภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยประสบปัญหาอุปสรรคมากมาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ประเทศไทยเราขาดโอกาสในการมีตำรับยาแห่งชาติที่มีประสิทธิภาพนำมาใช้ป้องกันและรักษาโรคภัยไขเจ็บของประชาชน ทั้งๆที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 55 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแล้วก็ตาม ทำให้ประเทศไทยเราต้องนำเข้ายาจากการแพทย์แผนตะวันตกเป็นจำนวนเงินมากมายหลายแสนล้านบาทต่อปี แตกต่างจากบางประเทศเช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญต่อการพัฒนาวิจัย ต่อยอดตำรับยาสมุนไพรจีนจนมีมาตรฐานระดับสากล และส่งเสริมสนับสนุนการผลิตเพื่อส่งออกไปทั่วโลก แต่ในประเทศไทยของเรากลับถูกมองข้ามความสำคัญของสมุนไพร ตำรับยาแผนไทย ได้รับงบประมาณเพื่อการวิจัยพัฒนา ต่อยอดน้อยมาก และขาดการส่งเสริมสนับสนุนทั้งการปลูก การแปรรูปและการตลาด
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยพืชสมุนไพรเดี่ยว แต่ไม่วิจัยตำรับยาสมุนไพรไทยแล้วนำมาใช้รักษาโรคในสถานพยาบาลของรัฐอย่างจริงจัง ทั้งๆที่ประเทศไทยเราก็มีนักวิจัยจำนวนมาก ซึ่งสภาครูแพทย์แผนไทยได้ร้องเรียนมายังองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยขอให้แก้ไขปัญหาการละเมิดเภสัชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรไทย(ดังเอกสารที่แนบ) ทำให้เกิดข้อสงสัยหลายประการว่าทำไมตำรับยาแผนไทยจึงถูกปิดกั้นตลอดมา แม้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯให้แต่งตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ที่มีคัมภีร์ตำรับยาแผนไทยมากมายที่ใช้รักษาโรคระบาดร้ายแรงคล้ายกับโรคโควิด19 เป็นผลสำเร็จมาแล้ว แพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านทั่วประเทศก็ปรุงตำรับยาแผนไทยตามคัมภีร์ต่างๆรักษาไข้ทุกชนิดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่กลับห้ามแพทย์แผนไทยรักษาโรคระบาดทุกครั้ง
การระบาดของโรคไวรัสโควิด19 บ่งบอกถึงความอ่อนแอของระบบสุขภาพของประเทศไทย เนื่องจากไม่มีนโยบายที่จะสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้ประชาชนชาวไทยด้วยการพึ่งพาตนเอง ผลิตยาแผนไทยประจำชาติมาใช้ป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บภายในประเทศ การพึ่งยาเคมีตะวันตกอย่างเดียวจึงสร้างความสูญเสียต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชนจำนวนมากอย่างที่ไม่ควรจะเป็น รัฐบาลต้องแบกภาระจ่ายเงินงบประมาณซื้อยาเคมีตะวันตกมารักษาโรคทุกปี แต่ถ้าส่งเสริมสนับสนุนการใช้ตำรับยาแผนไทยอย่างจริงจังจะสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนตั้งแต่รากหญ้าจนถึงนักธุรกิจ ผู้ประกอบการอีกจำนวนมาก รวมถึงรายได้จากการส่งออกจะสามารถฟื้นภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ดังนั้นตนและคณะจึงขอให้ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข พิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรับยาแผนไทยสรรพคุณทางยาป้องกัน ยับยั้ง บำบัดรักษาโรคอุบัติใหม่ (โควิด-19) จากองค์ความรู้ด้านเวชกรรมไทย เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่ปิดกั้นความเจริญก้าวหน้าของตำรับยาแผนไทยให้หมดสิ้นไป ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้จะมอบให้ท่านประธานคณะกรรมาธิการในวันที่เข้าไปชี้แจงต่อไป.
ทรงวุฒิ ทับทอง
วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564
"รฎาวัญ"นำแพทย์แผนไทยร้องกรรมาธิการสาธารณสุข ช่วยดึงทุกฝ่ายศึกษาสรรพคุณตำรับยาแผนไทยใช้รักษาโควิด-19 หวั่นมรดกไทยสูญหาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น