วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2564

กองทัพภาคที่ 3 แถลงสถานการณ์ปะทะระหว่างทหารเมียนมา กับชนกลุ่มน้อย ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก

กองทัพภาคที่ 3 แถลงสถานการณ์ปะทะระหว่างทหารเมียนมา กับชนกลุ่มน้อย ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก





วันที่ 9 มิถุนายน 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 136 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 มีสาระสำคัญดังนี้

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมา และชนกลุ่มน้อยในประเทศเมียนมา ในพื้นที่ตรงข้ามจังหวัดตาก ของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม - 6 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมานั้น ได้เกิดการปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างทหารเมียนมา กับกลุ่มนายจ่อแต๊ด (พลตรี อดีตผู้บัญชาการกองกำลัง DKBA กระเหรี่ยงพุทธก้าวหน้า) บริเวณตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และการปะทะกันอย่างรุนแรงเพิ่มเติมในอีกพื้นที่หนึ่ง ระหว่างทหารเมียนมา กับ กองกำลัง KNDO (องค์กรป้องกันแห่งชาติกระเหรี่ยง) บริเวณตรงข้ามบ้านทหารผ่านศึก ตำบลรวมไทยพัฒนา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ทำให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ได้อพยพข้ามมายังฝั่งไทย
ในการนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้ กองกำลังนเรศวร รับผิดชอบดูแล ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ในพื้นที่จังหวัดตาก 2 พื้นที่ (บ้านแม่โกนเกน และ บ้านวาเลย์ใต้) จำนวน 484 คน โดยได้ดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม ดังนี้

1. การดูแลรักษาความปลอดภัย โดยวางกำลังเพื่อคุ้มครองพื้นที่ให้สามารถมั่นใจได้ว่า ผู้หนีภัยความ ไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) จะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ และพูดคุยสร้างความเข้าใจ ให้เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ลดความหวาดกลัวข่าวลือของการรบที่ไม่เป็นจริง
2. การจัดระเบียบ โดยกำหนดขอบเขตเพื่อป้องกันการลักลอบออกจากพื้นที่ และจำกัดการสัมผัสจากผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการติดเชื้อจากบุคคลภายนอกสู่ผู้หนีภัยฯ
3. การดูแลสุขอนามัย โดยจัดการสุขาภิบาลในสนาม เช่น การฉีดพ่นยาป้องกันยุงเพื่อลดการระบาดของโรคไข้มาลาเรีย ตลอดจนการให้บริการทางแพทย์ขั้นต้นจากทหารเสนารักษ์ และส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ใกล้หากมีอาการหนัก รวมทั้งยังช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรมอื่นๆ ร่วมกับทุกภาคส่วนในการดำเนินการดังกล่าว

ปัจจุบัน สถานการณ์ปะทะระหว่างทหารเมียนมา กับชนกลุ่มน้อย ได้เริ่มคลี่คลายลงตามลำดับ ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาในประเทศเมียนมาโดยความสมัครใจทั้งหมด ทุกคน (484 คน)

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า การบูรณาการกำลังป้องกันชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตย และพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ จะได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อให้พี่น้องคนไทยทุกคนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติสืบไป.

ทรงวุฒิ ทับทอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น