กองทัพภาคที่ 3 แถลงผลการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
วันที่ 2 มิถุนายน 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 135 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน รองโฆษกฯ, พันโท วรปรัชญ์ กาศสกุล และ พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช ผู้ช่วยโฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้
ตามที่รัฐบาล ได้มีนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และสกัดกั้นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ
ประกอบกับที่รัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีข้อกำหนดตามกรอบพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้พิจารณาให้ระงับการใช้ช่องทางการเข้าออกประเทศในทุกพื้นที่ที่มีเขตติดต่อชายแดน เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 มาจนถึงปัจจุบัน นั้น
ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงาน ต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง โดยได้สั่งการให้กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่จังหวัดตาก, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ และเชียงราย ได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ดังนี้
1. เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนที่ปฏิบัติในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในทุกๆ พื้นที่
2. บูรณาการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประสานไปยังประเทศเมียนมา ผ่านคณะกรรมชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ในการให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย
3. เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม และการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตามเส้นทางตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา รวมทั้งความเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะ บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจและจุดสกัดกั้น และเส้นทางอ้อมผ่านจุดตรวจ/ด่านตรวจฯ เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว หลังพบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ในรัฐต่างๆ ของเมียนมา
4. จัดชุดปฏิบัติการ รวมทั้งชุดแพทย์ทหาร ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ไปตามหมู่บ้านและชุมชน ให้คอยเฝ้าระวังสอดส่องหากพบบุคคลต้องสงสัยให้รีบแจ้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือแจ้งศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
5. จัดตั้งช่องทางการแจ้งเบาะแส การลักลอบกระทำผิดกฎหมาย ผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 โดยขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส เพื่อทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติ ในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม
6. การติดตั้งไฟส่องสว่างในช่องทางที่ล่อแหลม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
7. การทำเครื่องกีดขวางและปรับปรุงลวดหนาม บริเวณช่องทาง/ท่าข้ามตามธรรมชาติ
8. ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง, หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และผู้นำชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการเพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว, ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งการแจ้งเบาะแส, การกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ เข้าใจ และรับทราบข้อมูลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยในห้วงวันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา กองกำลังนเรศวร (พื้นที่จังหวัดตาก และจังหวัดแม่ฮ่องสอน) และกองกำลังผาเมือง (พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย) สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 81 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 295 คน.
ทรงวุฒิ ทับทอง
วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564
กองทัพภาคที่ 3 แถลงผลการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น